
ประวัติอาหารหวาน
อาหารหวานของไทยมีทั้งชนิดน้ำและแห้ง
ส่วนมากปรุงด้วยกะทิ น้ำตาล และแป้งเป็นหลัก เช่น กล้วยบวชชี ขนมเปียกปูน
ขนมใส่ไส้ (สอดไส้) ขนมเหนียว เป็นต้น ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ชาวยุโรปได้ถ่ายทอดการทำอาหารหวานโดยไข่ให้แก่คนไทยหลายอย่าง เช่น ทองหยิบ
ทองหยอด ฝอยทอง สังขยา และขนมหม้อแกง
คนไทยมีผลไม้มากมายหลายชนิด จึงนิยมนำผลไม้เหล่านั้นมาทำเป็นอาหารหวาาน คนไทยมีวิธีถนอมอาหารหลายวิธี ได้แก่ วิธีดองเช่น มะม่วงดอง มะยมดอง วิธีกวนเช่น กล้วยกวน ทุเรียนกวน สับปะรดกวน วิธีตากเช่น กล้วยตาก วิธีเชื่อมเช่น กล้วยเชื่อม สาเกเชื่อม วิธีแช่อิ่ม เช่น มะดันแช่อิ่ม ฟักแช่อิ่ม เป็นต้น
อาหารหวานชนิดแห้ง รับประทานได้ทุกเวลา ส่วนมากจะเป็นขนมอบเพื่อเก็บใส่ขวดโหลไว้ได้นาน เช่น
ขนมกลีบลำดวน ขนมโสมนัส ขนมหน้านวล ขนมทองม้วน และขนมผิง เป็นต้น
อาหารหวานไทยในสมัยโบราณ จะแสดงฝีมือในการสลัก แกะหรือปั้นเป็นรูปต่างๆ และจะอบให้หอมด้วยกลิ่นกุหลาบ มะลิ กระดังงา หรือควันเทียน
อาหารหวานของท้องถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี
ของหวานอุบลราชธานีส่วนใหญ่จะทำมาจากข้าว
ตัวอย่างเช่น ข้าวต้มมัด
ข้าวต้มผัด(ข้าวที่ทำจากการเอากะทิกับข้าวมากวนด้วยกันแล้วเอามาห่อแล้วเอาไปนึ่ง
ซึ่งของหวานเหล่านี้มีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของชาวอุบล คนไทยมีผลไม้มากมายหลายชนิด จึงนิยมนำผลไม้เหล่านั้นมาทำเป็นอาหารหวาาน คนไทยมีวิธีถนอมอาหารหลายวิธี ได้แก่ วิธีดองเช่น มะม่วงดอง มะยมดอง วิธีกวนเช่น กล้วยกวน ทุเรียนกวน สับปะรดกวน วิธีตากเช่น กล้วยตาก วิธีเชื่อมเช่น กล้วยเชื่อม สาเกเชื่อม วิธีแช่อิ่ม เช่น มะดันแช่อิ่ม ฟักแช่อิ่ม เป็นต้น
อาหารหวานชนิดแห้ง รับประทานได้ทุกเวลา ส่วนมากจะเป็นขนมอบเพื่อเก็บใส่ขวดโหลไว้ได้นาน เช่น
ขนมกลีบลำดวน ขนมโสมนัส ขนมหน้านวล ขนมทองม้วน และขนมผิง เป็นต้น
อาหารหวานไทยในสมัยโบราณ จะแสดงฝีมือในการสลัก แกะหรือปั้นเป็นรูปต่างๆ และจะอบให้หอมด้วยกลิ่นกุหลาบ มะลิ กระดังงา หรือควันเทียน
อาหารหวานของท้องถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี
![]() |
ข้าวต้มตัด |
ในการประกอบพิธีการต่างๆ
ชาวอุบลจะนำข้าวต้มมัดมาประกอบพิธีกรรมด้วย เช่นงานขึ้นบ้านใหม่ งานสู่ขวัญ
งานแต่งงาน แม้กระทั่งงานศพก็มีข้าวต้มมัดในสำรับ
![]() |
การนำข้าวต้มมัดมาประกอบพิธีงานแต่งงาน |
![]() |
ขนมจ๊อก |
![]() |
ลอดช่อง |
ขนมหวานที่ขึ้นชื่อของชาวอุบลราชธานี
ขนมข้าวเกรียบมันเทศ,ฟักทอง,กล้วย เป็นอาหารแปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตร แล้วนำมาแต่งกลิ่นสมุนไพร เช่นใบกระเพรา มีคุณค่าทางอาหารให้โปรตีนคาร์โบไฮเดรตสูง ไม่มีสารปรุงรสอื่นที่เป็นอันตราย บรรจุถุงจำหน่ายแบบข้าวเกรียบดิบ หรือนำไปทอดจนสุกแล้วบรรจุจำหน่ายแบบข้าวเกรียบทอด มีการผลิตเพื่อการส่งออกอย่างกว้างขวาง
![]() |
ข้าวเกรียบมันฟักทอง |
![]() |
ข้าวเกรียบของหวานและอาหารว่างของชาวอีสานและจังหวัดอุบลราชธานี |
ข้าวต้มมัด |
ข้าวต้มมัดหรือข้าวต้มผัดของชาวอีสานเป็นขนมชนิดหนึ่งที่ทำด้วยข้าวเหนียวผัดกับกะทิ แล้วนำไปห่อด้วยใบตองหรือใบมะพร้าวอ่อน ใส่ไส้กล้วยนำไปนึ่งให้สุก
![]() |
บ่ายมะขาม (มะขามกวน) |
ส่วนผสม / อุปกรณ์ เครื่องปรุง ประกอบด้วย เนื้อมะขามเปรี้ยวสุกสับละเอียด หัวกะทิ
มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย แบะแซ น้ำ ตาลทราย นมข้นหวาน เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีการทำ
ผสมหัวกะทิ น้ำตาลทราย แบะแซ เคี่ยวพอกะทิแตกมันใส่มะขามสับ เกลือป่น
มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย นมข้นหวานกวนให้ส่วนผสมเหนียวและงวดลงขนาดพอปั้นได้
ยกลงรอให้เย็นปั้นเป็นแท่งห่อด้วยพลาสติกใส จะเก็บไว้ได้นาน
เวลาทานก็ปั้นข้าวเหนียวแบนๆ นำมะขามกวนใส่แล้วทานได้เลย อร่อย!
คุณค่า / ประโยชน์
มะขามกวนมีส่วนประกอบของน้ำตาล หัวกะทิ เนื้อมะพร้าวและนมข้นหวานซึ่งเป็นอาหารที่ให้สาร
อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้พลังงาน มะขามเปรี้ยวมีสารที่ช่วยระบายท้อง
มีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอ่อน ๆ จึง ช่วยการทำงานของระบบขับถ่าย
ปัจจุบันชาวบ้านจึงนำมะขามเปรี้ยวมาแปรรูปเป็นมะขามกวน ผลิตภัณฑ์ที่
ได้มีรสแปลกไปจากเดิม รสชาติอร่อย เป็นที่ชื่นชอบ ของผู้บริโภค
ปัจจุบันมะขามกวนเป็นสินค้าของฝากพื้น
เมืองที่ทำรายได้ให้กับผู้ผลิตไม่น้อยไปกว่ามะขามหวาน
![]() |
ข้าวเหนียวปิ้ง |
ส่วนผสมข้าวเหนียว
1.ข้าวเหนียวแช่น้ำประมาณ 4 ชั่วโมงตวงแล้วได้ 4 ถ้วย
2.กะทิข้นปานกลาง 2 1 / 4 ถ้วย
3.เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ไส้กล้วย
กล้วยน้ำว้าห่ามปอกเปลือกผ่าเป็น 4 ชิ้น
ไส้เผือก
1.เผือกนึ่งบดละเอียด 1 3 / 4 ถ้วย
2.น้ำตาลทราย 3 / 4 ถ้วย
3.เกลือป่น 1 / 2 ช้อนชา
4.น้ำสะอาด 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ผสมข้าวเหนียว กะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย ใส่กระทะทอง กวนบนไฟอ่อนจนแห้ง
2. นำใบตองที่ตัดไว้มาพับเป็นกรวยแหลม ใส่ข้าวเหนียวลงไปเล็กน้อย ใส่กล้วย 1 ชิ้น ( หรือ เผือกกวนประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ) ใส่ข้าวเหนียวทับลงบางๆ พับใบตองปิดกลัดด้วยไม้กลัด ปิ้งไฟอ่อนให้ข้าวเหนียวมีสีเหลือง รับประทานร้อนๆ
ไส้กล้วย
กล้วยน้ำว้าห่ามปอกเปลือกผ่าเป็น 4 ชิ้น
ไส้เผือก
1.เผือกนึ่งบดละเอียด 1 3 / 4 ถ้วย
2.น้ำตาลทราย 3 / 4 ถ้วย
3.เกลือป่น 1 / 2 ช้อนชา
4.น้ำสะอาด 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ผสมข้าวเหนียว กะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย ใส่กระทะทอง กวนบนไฟอ่อนจนแห้ง
2. นำใบตองที่ตัดไว้มาพับเป็นกรวยแหลม ใส่ข้าวเหนียวลงไปเล็กน้อย ใส่กล้วย 1 ชิ้น ( หรือ เผือกกวนประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ) ใส่ข้าวเหนียวทับลงบางๆ พับใบตองปิดกลัดด้วยไม้กลัด ปิ้งไฟอ่อนให้ข้าวเหนียวมีสีเหลือง รับประทานร้อนๆ
![]() |
ข้าวโป่ง กรอบๆ |
คุณค่าโภชนาการ
จะได้รับสารอาหารคาร์โบไฮเดรต ข้าวโป่ง
เครื่องปรุง / ส่วนผสม
๑. ข้าวเหนียวสุก (ข้าวใหม่)
๒. น้ำตาลทราย
๓. ไข่ไก่ต้มสุก
๔. น้ำมันหมู
๕. งาดำ
จะได้รับสารอาหารคาร์โบไฮเดรต ข้าวโป่ง
เครื่องปรุง / ส่วนผสม
๑. ข้าวเหนียวสุก (ข้าวใหม่)
๒. น้ำตาลทราย
๓. ไข่ไก่ต้มสุก
๔. น้ำมันหมู
๕. งาดำ
สัมภาษณ์ คุณยายเคน นางบุญเพ็ง เหลาสิงห์ บ้านเลขที่ 39 หมู่ 11 ตำบลหัวนา อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี34170 วันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 เวลา 17.20 น.
ผลการสัมภาษณ์
อาหารหวานในท้องถิ่นภาคอีสาน(จังหวัดอุบลราชธานี)ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะข้าวต้ม ข้าวปาด และลอดช่อง ซึ่งของหวานก็จะมีทั้งในพิธีการต่างๆ เพราะเมื่อมีของหวานแล้วผู้เฒ่าผู้แก่จะเชื่อกันว่างานจะเป็นมงคล ซึ่งการมีของหวานจะเชื่อกันว่างานจะราบรื่น สวยงามเหมือนรสชาติของของหวาน และเป็นสิ่งที่แขกผู้มาร่วมงานชื่นชอบอีกด้วย
นอกจากจะนำมาประกอบในงานมงคลแล้ว เมื่อมีเทศกาลต่างๆหรือพีธีกรรมทางศาสนา ก็จะชอบทำ
อ้างอิง
ประวัติอาหารหวาน
จาก http://www.baanmaha.com/community/thread9227.html เข้าถึง วัน ศุกร์ ที่ 29
พฤศจิกายน 2556
อาหารหวาน
จาก http://www.dumenu.com/Cooking/Desserts/ เข้าถึง วัน ศุกร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2556
ของหวาน
จาก http://oporpa.wordpress.com/category/ เข้าถึง วัน ศุกร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2556
ขนมหวานภาคอีสาน
จาก https://sites.google.com/site/anomadsompig/khnm-hwan4phakh เข้าถึง วัน ศุกร์ ที่ 29
พฤศจิกายน 2556
ข้าวต้มมัดจาก
อาหารหวาน.คุณบุญเพ็ง เหลาสิงห์ บ้านเลขที่ 39 หมู่ 11 ตำบลหัวนา อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี 34170
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น